สีวัสดุ

ประเภทสีที่ทางบริษัทเลือกใช้ จะมีคุณภาพสูงที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ เรียกว่าสี PU ซึ่งมักจะใช้ในงานส่งออก ราคาค่อนข้างสูงกว่าสีชนิดอื่นๆอยู่หลายเท่า มีเนื้อฟิล์มที่หนา แข็งแรง ทนทาน สามารถปกป้องน้ำไม่สามารถซึมเข้าเนื้อได้ และเมื่อเคลือบสี PU เข้ากับไม้ยางพาราที่มีคุณสมบัติเด่นในการดูดตัวสีได้ดีกว่าเนื้อไม้ชนิดอื่นๆ
จึงทำสีออกมาได้สวยสด ดูเป็นธรรมชาติ มีเนื้อละเอียด ผิวสัมผัสที่เรียบเนียน เราใช้วิธีการย้อมเสี้ยนไม้และเคลือบสี PU ถึง 5 ชั้น ( 1 ชั้นใช้เวลาพักตัว 1 วัน )

(การย้อมเสี้ยนและการใช้สี PU มักใช้เฉพาะงานส่งออก เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าปกติ)

งานไม้แท้หากเลือกสีโทนอ่อน อาจมองเห็นตาไม้ หรือเสี้ยนไม้บ้างในบางจุด ซึ่งเป็นธรรมชาติของเนื้อไม้แท้ ซึ่งจะไม่เหมือนงานไม้ปลอม

เฉพาะไม้สีดำและสีโอ็คเข้มเป็นสีที่มีกระบวนการทำที่ยากกว่า เป็นสีที่ค่อนข้างเห็นรอยง่ายกว่าสีอื่นๆ (คล้ายสีรถยนต์) และอาจมีการพองตัวของเสี้ยนไม้ในบางจุดจึงทำให้เกิดเม็ดสีจุดเล็กๆในบางตำแหน่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (หากเลือกไม้ W4 สีดำ, W6 สีโอ๊คเข้ม มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเล็กน้อยจากแคตาล็อก)

โทนสีบอกอารมณ์

• W1 สีธรรมชาติ
  ให้ความอบอุ่น สบายตา นิยมใช้ในการแต่งบ้าน  สไตล์มินิมอล และสแกนดิเนเวียน

• W2 สีสักทอง
  ให้ความหรูหรา เพิ่มคุณค่า ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูมีระดับ

• W3 สีสักเข้ม
  เหมาะสำหรับสไตล์ลอฟท์ มักเน้นใช้ตัดกับผนังสีอ่อน หรือผนังปูนเปลือย เพื่อเพิ่มความโดดเด่น มีพลัง

• W4 สีดำ
  มักใช้ในการตกแต่งแบบโมเดิร์น ให้ความรู้สึกเท่ห์ มีความเป็นตัวตน น่าค้นหา

• W5 สีโอ๊คอ่อน
  ให้ทั้งความรู้สึกอบอุ่น และหรูหรา มีความพอดี คุมโทน ลงตัวในทุกสไตล์

• W6 สีโอ๊คเข้ม
  ให้ความรู้สึกมั่นคง สุขุม หนักแน่น เป็นโทนสีที่ตัดกับโทนบ้านสีอ่อนได้อย่างลงตัว

• W7 สีวอลนัทเข้ม
  ให้ความรู้สึกมีคุณค่า คลาสสิค วินเทจ ในความเป็นอัตลักษณ์ของงานคราฟท์

• W8 สีไม้บีช
  ให้ความรู้สึกนุ่มนวล อ่อนโยน สบายตา เหมาะกับการตกแต่งแบบคุมโทนสีอ่อน